สวัสดีประเทศไทย กลับมาแล้วค่ะกับทริปสั้นๆ ความทรงจำยาวนาน เพื่อชมความงดงามของราชินีแห่งเกาะลอมบอก Mt.Rinjani
In This Post
ภูเขาไฟรินจาณี
ภูเขาไฟรินจาณี (3,726 ม.)มองจากที่พักฝั่ง Sembalun Lawang ทางขึ้นของกลุ่มเรา
น่าจะเพราะรูปทรงที่คล้ายกัน ความสูงใกล้เคียงกัน ฉันคิดเปรียบเทียบกับภูเขาไฟฟูจิของญี่ปุ่น (3,776ม. )
ภูเขาไฟฟูจิ มีเสน่ห์สวยงามเมื่อมองจากข้างล่างขึ้นไป รวมกับองค์ประกอบรอบทั้งหมู่บ้าน ทะเลสาบที่รายล้อม แต่เมื่อขึ้นไปถึงยอดข้างบนแล้ว มีแต่หินวิวข้างบนตรงปากปล่องหรือ crater เล็กกว่า ไม่สวยเลย ฉันจึงมักบอกกับหลายคนว่า Mt.Fuji สวยที่สุดเมื่อมองจากข้างล่าง การขึ้นไปบนนั้นคือการพิสูจน์ตัวเอง
สำหรับยอดรินจาณี (Mt.Rinjani) มองจากจุดนี้มีแต่ความธรรมดาแบบภูเขาทั่วไป แต่ปรากฎว่าตั้งแต่เส้นทางเดินเริ่มต้นผ่านป่า ทุ่งหญ้า ทางชันไปจนถึงวิวหมอกหนาบนยอด รอบๆ crater ทะเลสาบภายใน ภูเขาไฟลูกเล็กที่ซ้อนอยู่ในทะเลสาบกลับสวยงามจับใจ คุ้มค่ากับการได้ขึ้นไปชื่นชม
ฉันจึงรู้สึกว่ายอดฟูจินั้นไปเพื่อพิชิต ในขณะที่ยอดรินจาณีนั้นไปเพื่อชื่นชม เสียดายอยู่นิดเดียวว่าชมได้ไม่รอบ ก็ต้องออกมาซะก่อน
บันทึกวันขึ้นยอด Rinjani
ได้ขึ้นไปชื่นชมความงามบนยอดรินจาณีในยามเช้าสดใส ทันได้ถ่ายรูปคู่กับ Shadow of Rinjani บนยอดที่ฉันมองตามลุ้นตลอดว่าขอให้ได้เจอกันบนนั้นด้วย หลังจากแสงแรกของวันตกกระทบยอดเขา ส่องให้เกิดเงาของยอดเขารินจาณีที่อีกฝั่งของขอบฟ้า
ฉันเดินท่ามกลางความมืดของท้องฟ้าที่เกิดจันทรุปราคา มองจันทร์ค่อยๆถูกกลืนกินไปพร้อมกับเท้าที่ย่ำบนทรายภูเขาไฟ เดินขึ้นเลื่อนลงเพื่อพาตัวเองไปข้างหน้าอย่างยากเย็น ยามค่ำคืนที่ไม่เห็นจุดหมาย แต่มีแค่ทิศทางและดวงดาวนำพา กลับพาไปข้างหน้าได้ดีกว่าความแจ่มชัดในยามสายเมื่อแสงร้อนของดวงอาทิตย์เริ่มสาดส่อง และรู้ว่าจุดหมายชัดเจนอยู่ที่ไหน อาจเพราะมองเห็นอุปสรรคชัดเจนเกินไป
บนสันเขายามเช้าฉันพบว่าตัวเองอยู่เหนือเมฆหมอกหนาทึบ หินทรายร่วนบนทางชันทำให้ต้องใช้เวลา และกะจังหวะก้าวเพื่อไม่ให้เสียพลังงาน ฉันเปลี่ยนความรู้สึกยาก เป็นความสนุกเพื่อเดินต่อไป แล้วรอความมันส์สุดๆตอนลงที่เราจะได้เจอกันบนทางเดินแบบนี้ (ขาลงของสันเขาที่นี่ สนุกมาก)
ถ้าเราไม่คิดว่าสิ่งที่ก้าวอยู่คืออุปสรรค ก็แค่เดินและสนุกกับความแปลกใหม่ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น
บนเส้นทางแบบนี้ คงไม่ได้เจอกันง่ายๆให้เราผู้ที่ชื่นชอบกับธรรมชาติ รักการผจญภัยได้เดินเล่นสนุกสนานกัน
สุดท้ายแล้วความงามบนยอด Rinjani Summit นั้นคุ้มค่ากับการพยายามขึ้นไปชื่นชมอย่างแท้จริง
ก่อนแผ่นดินไหว
ถ้าไม่มีแผ่นดินไหว ชีวิตก็จะประมาณนี้ จากหมู่บ้านฝั่ง Sembalun ไปจนถึง Summit Rinjani แล้วลงไปตั้งแคมป์ที่ทะเลสาบ Segara Anak (The baby)
ออกเดินทาง ระหว่างทางเดิน Rinjani โดดเด่นอยู่ด้านหลัง Pos1 Pos 2 ทานข้าวกลางวันที่นี่ จิบกาแฟดริปหอมๆ ☕️กลางทุ่งหญ้า เริ่มขึ้นทางชัน มีหินใหญ่ให้ปีนออกแรง มองหาปลายทางสันเขาว่าพ้นยอ
ดนี้จะถึงรึยัง เริ่มเดินอยู่ในกลุ่มเมฆกลา
งเขาโผล่ขึ้นมาก็เจอลานกางเต็นท
์ในตอนบ่าย เมฆหนาทึบ ตอนนี้อยู่เหนือเมฆแล้วลานกางเต็นท์กินพื้นที่ยาวต
ลอดแนวสันเขาด้านล่างระหว่างรอเพื่อนๆมาครบก็ถ่า
ยรูปชมวิว เมฆหนาทีบบังวิวทะเลสาบข้าง
ล่าง ตรงนี้อยู่หน้าเต็นท์ที่นอน
ของพวกเราออกเดิน night trail ตอนกลางคืน ตี2 เดินย่ำไปเรื่อยๆ ห้ามคิดเยอะ คิดมากเดี๋ยวไม่ถึง พอแสงมาก็เริ่มเห็นวิว เนินซอมบี้ ทรายภูเขาไฟ ร่วน ทำให้เดินยาก ประกอบกับความชันเลยยิ่งยาก
ไปอีก ถ้าเดินขึ้นช้าจะเจอกับกลุ่
มที่เริ่มลงมาสวนกัน พาฝุ่นลงมาพร้อมกับความร้อน
ของแสงอาทิตย์ที่ร้อนสุดๆภาพสะท้อนของภูเขาไฟรินจาณี
บนอีกฝั่งของขอบฟ้า รู้จักเงาแบบนี้ก็ตอนเดิน Elbrus มาเจอที่นี่อีกทีตื่นเต้นกว
่าหมอกหนาอีกฝั่ง เหมือนเจอคนคุ้นเคย รีบเดินรัวๆไปถ่ายรูปคู่บนย
อดทีเดียวเย้ ได้มาชูป้ายบนยอดเรียบร้อย พร้อมShadow of Rinjani
การได้มาถึงจุดนี้ได้ทั้งชื
่นชมความงาม และอิ่มใจ รู้สึกอิ่มอย่างบอกไม่ถูกยังมีคนอีกมายพยายามมาถึงยอ
ด Summit หันมองกลับไปดูเส้นทางที่เด
ินขึ่นมา ไกลแฮะ 😅ยืนอยู่เหนือเมฆ ผู้คนที่นั่งชื่นชมความงามบ
นยอดรินจาณีขากลับเดินมาคนเดียว ถ่ายเงาตัวเองได้แค่นั้น นั่งชมวิว วนไป เดินมาตั้งแต่เมื่อคืนหมดแร
งออกไปเดินชมวิวข้างนอก ยอมให้แดดเผาไปห้องน้ำ ห้องครัว และทะเลสาบ ในปล่องภูเขาไฟ นอนชมวิวในเต็นท์ ดูมีความสุขแต่ที่จริงร้อนม
าก เหมือนอยู่ในเตาอบจากเต็นท์ที่พัก มองเห็นยอดปลายทางที่เราขึ้
นไปชูป้าย
Leave a Reply