11.46 น. มายืนรอตม.เข้าประเทศเวียดนาม ที่สนามบินดานัง เจ้าหน้าที่ตม.ทำงานช้ามาก ต่อคิวนาน พอถึงคิวก็ยังนาน เจ้าหน้าที่ทำงานไป ผิวปากไป เหมือนไม่ค่อยตั้งใจทำงาน ทำแบบช้าๆ ไปเรื่อยๆ

เมื่อผ่านเข้ามาก็เดินไปซื้อซิมสำหรับใช้งานในเวียดนาม เราซื้อซิมราคา 240 บาท คนขายพูดไทยได้ เพราะคนไทยมาเที่ยวเยอะมาก จ่ายเงินไทยได้เลย คนขายขายของเร็วมาก คว้ามือถือจากมือเราไปเปลี่ยนทันที ยังไม่ทันได้ถามไถ่ ตอนรับมือถือกลับคืนมา ควรทดสอบว่าใช้งานได้หรือไม่ มีสัญญาณหรือเปล่า เช่นของเราที่รับมาแล้วไม่มีสัญญาณ ต้องกลับไปเปลี่ยนซิมใหม่



อาหารกลางวัน มื้อแรกสำหรับทริปนี้ที่ดานัง
มาถึงดานังในวันที่ร้อน ไม่มีฝน ออกจากสนามบินเราก็มุ่งตรงไปที่ร้านอาหาร นั่งรถประมาณ 15 นาที ทัวร์จัดอาหาร 8 อย่าง สำหรับโต๊ะละ 7 คน อาหารเต็มโต๊ะ ทานกันไม่หมด อาหารคล้ายอาหารไทยผสมจีน บางอย่างแปลกตาไม่เคยทานมาก่อน เช่นกุ้งผัดกับหัวปลีที่หั่นฝอยๆ , ไก่ผัดอบในลูกฟักทอง รสชาติอาหารกลางๆไม่จัด มีความมัน แต่ก็มีน้ำจิ้มเพื่อเพิ่มรสชาติและตัดความเลี่ยน ทางร้านจัดอาหารมาสวยงามปริมาณเต็มที่ นอกจากไก่ ก็มีกุ้ง ปลาหมึก กั้ง และปลา ผัดผักรสชาติดี โดยรวมถือว่าเป็นมื้อแรกที่น่าประทับใจ และจัดเต็มมาก
เจ้าแม่กวนอิม องค์สูงที่สุดในเวียดนาม ภายในวัดหลิงอึง ทิวทัศน์อ่าวดานัง
วัดหลิงอึง (Linh Ung) มีเจ้าแม่กวนอิมใหญ่สูงที่สุด 90 เมตร สร้างตามหลักฮวงจุ้ย ซึ่งมีพระองค์ใหญ่อยู่ 3 จุด ระหว่างที่นี่ , ฝั่งตรงข้าม และบนเขาที่บาน่าฮิลล์ เชื่อว่าทำให้พายุที่เข้าบริเวณชายฝั่งนี้ลดความรุนแรงลง
ฟังไกด์บรรยายบนรถ ร้านขายของริมทางหน้าร้านอาหาร
ข้อมูลจากไกด์เวียดนามพูดไทยบรรยายบนรถ
- ค่าแรงเวียดนาม 170 กว่าบาทต่อวัน
- อายุ 18 ปี จึงมีมอเตอร์ไซค์ได้
- ภาษีนำเข้ารถยนต์สูงมาก 200% ค่าทะเบียน 100% ทำให้คนยังนิยมใช้มอเตอร์ไซค์
- ส่วนใหญ่รถที่ใช้เป็นของเกาหลี มีคนเกาหลีมาลงทุนในเวียดนามมากที่สุด และรถเกาหลีราคาถูกกว่ารถญี่ปุ่น
- กฎหมายจราจรเข้มงวด เช่นมอเตอร์ไซค์ค่าปรับการฝ่าไฟแดงฝ่า 5 แยก คิดตามแต่ละแยก ตำรวจปรับหนักและเอาจริง สมัยก่อนตำรวจชอบรีดไถ แต่ปัจจุบันทำได้ยากเพราะมี Social ทำให้ทำแบบนั้นได้ยากขึ้น
- ขี่มอเตอร์ไซค์ต้องใส่หมวกกันน็อค
- ดานังเป็นเมืองตากอากาศมานานตั้งแต่สมัยฝรั่งเศส ที่ดินตอนนี้ราคากำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ
- คนเวียดนามนิยมฝังศพมากกว่าการเผา แม้ราคาที่ดินจะสูงขึ้น แต่คิดว่าในอนาคตคงต้องเปลี่ยนไป
- Vin Plus เป็นกลุ่มลงทุนชาวเวียดนามรายใหญ่ ลงทุนทั้งโรงแรม คอนโด มินิมาร์ท แท็กซี่ เจ้าของรวยที่สุดในเวียดนามขณะนี้



ระหว่างทางจากดานังไปเว้ ต้องผ่านอุโมงค์ไหวานที่เจาะเขาซึ่งเคยกั้นระหว่างดานังกับเว้ ก่อนหน้านี้การเดินทางระหว่างสองเมืองช่วงนี้ต้องขับรถขึ้นเขา เพื่อข้ามไปใช้เวลา 2 ชั่วโมง การตัดอุโมงค์ช่วยย่นระยะเวลาได้มาก อุโมงค์ยาวนี้ได้รับการดูแล และเช็คระบบความปลอดภัยอย่างดี มีช่วงเวลาเช็คระบบวันละ 2 ครั้ง คือเวลา 13.15-13.45น. และ ช่วง 03.00-04.00 น. อุโมงค์นี้ห้ามมอเตอร์ไซค์เข้าใช้ทาง



อ่าวลังโก ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงไข่มุกอันดับสอง
เมื่อออกจากอุโมงค์จะพบกับอ่าวลังโก ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงไข่มุกอันดับสอง รองจากฮาลองเบย์ ฝั่งซ้ายที่เห็นในรูปเป็นด้านแม่น้ำ มีสะพานอยู่ไกลๆ คือทางลงสำหรับรถที่ไม่ได้เข้าอุโมงค์ไหวาน แต่ขึ้นทางเขาที่ใช้เวลานานกว่า ฝั่งขวาของรถเป็นอ่าวลังโกที่เลี้ยงไข่มุก



ข้อมูลจากไกด์เวียดนามพูดไทยบรรยายบนรถ (ต่อ)
บ้านในเวียดนามจะเน้นความยาวหรือความลึกกกว่าความกว้าง บ้านที่ลึกมากยิ่งราคาแพง ราคาที่ดินที่แพงขึ้นทำให้บ้านมีราคาแพงตามไปด้วย ราคาตอนนี้ประมาณตารางเมตรละ 400,000 บาท ข้าวของเวียดนามส่งออกเป็นอันดับ 1 มีปลูกกันมากที่แม่น้ำแดง ซึ่งอยู่ตอนเหนือของเวียดนาม สามารถปลูกได้ 3-4 ครั้งต่อปี



ร้านที่แวะอยู่ระหว่างทางดานัง – เว้ สงสัยตรายี่ห้อว่ามีธงไทย เลยถามคนขายปรากฏว่าเจ้าของมีเมียเป็นคนไทยนั่นเอง
น้ำมันยูคาลิปตัน ช่วยบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ไล่แมลง รักษาแผล ควบคุมน้ำตาล สรรพคุณเยอะ แต่เราไม่ได้ซื้อ เพราะน้ำมันยูคาลิปตัสนี้ นำขึ้นเครื่องบินไม่ได้ เนื่องจากอาจทำให้เกิดประกายไฟ



เราไม่ได้อุดหนุนน้ำมันยูคาลิปตัส ก็เลยอุดหนุนกาแฟที่ขายในร้านแทน เป็นครั้งแรกทีได้เห็นน้ำแข็งก้อนในเวียดนามก้อนใหญ่มาก เวลาจะใส่ทานกับกาแฟ ก็เลยต้องทุบก่อน (น้ำแข็งเรียกว่า “ดา” ในภาษาเวียดนาม)



บตหลอบ แป้งห่อกุ้ง เป็นของฝากจากคนขับรถ เขาจอดรถรับระหว่างทางให้เราได้ทานกันตอนร้อนๆ น่าจะเป็นของว่าง ทานเล่น มีความคาวเนื่องจากทำจากกุ้งตัวเล็กผัดแล้วเอามาห่อแป้งใสๆ รสชาติแบบกุ้งผัดหวานบ้านเรา แป้งเหนียวหนึบมาก



ข้อมูลจากไกด์เวียดนามพูดไทยบรรยายบนรถ (ต่อ)
แต่เดิมเวียดนามใช้ภาษาจีนเป็นภาษาเขียน และคนเวียดนามนับถือศาสนาพุทธตามประเทศจีน ต่อมาเมื่อฝรั่งเศสยึดครองเวียดนาม ก็คิดค้นภาษาเขียนให้เวียดนามใหม่ โดยการเอาภาษาละตินมาใส่สระ ภาษาเขียนเวียดนามจึงมีความคล้ายกับภาษาอังกฤษ หรือฝรั่งเศส สาเหตุที่นำมาออกแบบใหม่ให้ชาวเวียดนามใช้ก็เพื่อความง่ายในการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในเวียดนาม เพราะถูกออกแบบโดยมิชชันนารีชาวฝรั่งเศส
เวียดนามเป็นชาติที่มีสงครามมาตลอดตั้งแต่สงครามกับฝรั่งเศส สงครามเวียดนาม และสงครามจบสิ้นเมื่อปี 1975 ชาวเวียดนามมีความภูมิใจมากที่สามารถเอาชนะชาติใหญ่อย่างฝรั่งเศส และ อเมริกาได้ (เวียดนามมีความไม่พอใจไทยอยู่บ้าง ที่ไทยเคยให้พื้นที่อเมริกามาตั้งฐานทัพเพื่อรบกับเวียดนามในสงครามเวียดนาม)



เวลาข้ามถนนในเวียดนาม ให้เดินตรงไปเรื่อยๆ อย่าหยุด อย่าถอยหลังห้ามกลัว เพราะทางม้าลายและไฟแดงในเวียดนามเป็นเครื่องประดับสำหรับคนข้ามถนนเท่านั้น
- บ้านในเวียดนามทำจากอิฐก้อนใหญ่ ขนาดจะใหญ่กว่าของเมืองไทยผสมเกลือ ปูน เพื่อทำบ้าน จะแข็งแรงกว่าป้องกันพายุที่พัดแรง
- สุนัขที่เลี้ยงในบ้าน ห้ามปล่อยออกมาข้างนอก ต้องดูแลภายในบ้านเท่านั้น หากหลุดออกมาครั้งแรกอาจจะคืนให้ แต่ครั้งที่สองจะไม่คืน ทั้งนี้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน
- คนเวียดนามนิยมเดินทางด้วยรถบัสแม้จะใช้เวลานาน เพราะค่าโดยสารบินภายในประเทศแพงมาก
- ล็อตเตอรี่เวียดนามออกทุกวัน และขึ้นอยู่กับจังหวัดที่ออก



แม่น้ำหอม หรือแม่น้ำเฮือง เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านกลางเมืองเว้ ริมแม่น้ำมีสถานที่สำคัญเช่นพระราชวังเว้ เจดีย์วัดเทียนหมู่ และมีสะพานข้ามแม่น้ำนี้หลายแห่ง ไกด์บอกว่าชื่อแม่น้ำหอมเพราะมีกลิ่นของดอกไม้ที่หล่นลงไปในแม่น้ำ แต่ระหว่างล่องเรือไม่ได้กลิ่นนะคะ
ไหว้พระเจดีย์เทียนหมู่ เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา และศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเว้อยู่ริมแม่น้ำหอม เป็นสถานที่เคารพของผู้นับถือศาสนาพุทธ
เจดีย์เทียนมู่ สร้างในปี พ.ศ.2144 (คศ.1601) ตามดำริของขุนนางเหวียนฮวาง (Nguyen Hoang) เจ้าผู้ปกครองเมืองเว้ ในขณะนั้น เมื่อครั้งที่ท่านได้ล่องเรือเยี่ยมชมความเป็นอยู่ของบ้านเมืองโดยรอบ และมาได้ยินเรื่องเล่าของชาวบ้านบริเวณนี้ว่า มีเรื่องเล่ากันว่า เคยมีคนเห็นหญิงสูงอายุคนหนึ่ง( Thiên Mụ หรือเทพธิดา) สวมชุดสีแดง ฟ้า นั่งเช็ดแก้ม ตรงบริเวณภูเขาที่ได้สร้างเจดีย์ในปัจจุบัน หญิงผู้นี้ได้บอกว่าวันหนึ่งจะมีผู้ยิ่งใหญ่มาสร้างเจดีย์บริเวณนี้และจะนำสันติสุขมาสู่เมือง เมื่อขุนนาง Nguyen Hoang ได้ผ่านมาและทราบเรื่องเข้าจึงสร้างเจดีย์ขึ้น
รถออสตินสีฟ้าคันที่เจ้าอาวาสขับไปเผาตัวเองที่ไซง่อน หัวใจที่ไม่ไหม้ของท่านถูกเก็บไว้ที่วัดเทียนมู่
ที่วัดเทียนหมู่ แห่งนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญของชาวพุทธในเวียดนาม เมื่อเจ้าอาวาสของวัด ชื่อ พระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก วัย 73 ปี ได้เผาตัวเองประท้วงรัฐบาล เมื่อมีการกวาดล้าง ทำร้ายผู้นับถือศาสนาพุทธ เพราะประเทศเวียดนามนี้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพื้นบ้าน หรือไม่มีศาสนา เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2506 ณ กรุงไซง่อน (โฮจิมินห์ ซิตี้ ในปัจจุบัน) ข้างรถออสตินสีฟ้าคันนี้ที่ขับไป โดยอธิษฐานว่า ถ้าศาสนาพุทธจะยังมั่นคงในเวียดนาม หัวใจของท่านจะไม่ไหม้ และปรากฎว่าร่างกายของท่านถูกไฟไหม้ ยกเว้นเพียงหัวใจของท่าน ซึ่งถูกนำมาเก็บไว้ที่วัดเทียนหมู่แห่งนี้ ที่วัดแห่งนี้จึงเป็นเหมือนที่รวมจิตใจของชาวพุทธในเวียดนาม แต่อย่างไรก็ตามศาสนาพุทธ ก็ยังไม่ใช่ศาสนาหลักของเวียดนาม ซึ่งยังคงนับถือศาสนาพื้นบ้านเช่นเดิม



วิถีชีวิตชาวบ้าน คนเวียดนามชอบนั่งทางอาหารบนเก้าอี้เตี้ยๆแบบนี้ ว่ากันว่า ถ้านั่งสูงขึ้น ราคาอาหารจะแพงขึ้น
ตลาดดองบา ตลาดดองบา ตลาดดองบา
ตลาดดองบา ในเมืองเว้ เป็นตลาดเก่าแก่ ขายของใช้มากมาย เราแวะซื้อชุดอ๋าวหย่าย ราคา 250 บาท สำหรับผู้ชายเป็นเสื้อตัวยาวคล้ายชุดจีน ราคา100 บาท
เบียร์ในเวียดนามมีหลายยี่ห้อ ตามเมืองที่ผลิต เช่นเบียร์ดานัง ยี่ห้อ Larue , Huda เบียร์ไซ่ง่อน ชื่อยี่ห้อ ไซ่ง่อน เมืองใหญ่ๆจะมีเบียร์ของตัวเอง
ล่องเรือมังกรแม่น้ำหอม นักร้องร้องเพลงบนเรือ ขณะแสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ลอยกระทงกระดาษบนเรือ
ล่องเรือมังกร แม่น้ำหอม
ขึ้นชื่อว่าเรือมังกร ตอนอ่านในโปรแกรมนึกว่าจะเป็นเรือลำใหญ่ ปรากฏว่าเป็นเรือลำเล็กดูน่าผิดหวัง แต่การที่พบเจอสิ่งที่ไม่ใช่อย่างที่คาดก็เป็นสีสันการเดินทางเล็กๆ แบบหนึ่งแม้ว่าจะมากับทัวร์ก็ตาม นอกจากนั้นดนตรีและสิ่งที่ได้นั่งมองระหว่างอยู่บนเรือก็ไม่ทำให้ทุกอย่างแย่เกินไปในช่วงยามเย็นครึ่งชั่วโมงนี้ ในอดีตการล่องเรือนี้มีไว้สำหรับคนชั้นสูง ปัจจุบันทำให้นักท่องเที่ยวนั่งเที่ยวชมวิว ชมวิถีชีวิตสองฝั่งในยามเย็น ประมาณ 30 นาที ระหว่างล่องเรือจะมีหนุ่มสาวมาเล่นดนตรี ร้องเพลง ปิดท้ายด้วยเพลงรำวงลอยกระทงของไทย ก่อนลงจากเรือมีกระทงกระดาษจุดเทียนเพื่อลอยลงแม่น้ำหอม



อาหารเย็น มื้อนี้คล้ายๆกับมื้อกลางวัน แต่มีแหนมเนืองหรือหมูเนืองแบบของเวียดนามแท้ๆให้ได้ลองชิม ซึ่งของที่นี่นั้นแป้งจะบางและกรอบกว่าแหนมเนืองที่เราทานในเมืองไทย
Leave a Reply