หลังจากมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลง จากทริปทิเบต เรามุ่งหน้าสู่ดินแดนทะเลทรายหินสีแดงแห่งจอร์แดน เมื่อวันที่ 3-12 ธันวาที่ผ่านมา พบกับประสบการณ์หลากหลาย ทั้งเล่นน้ำในเดดซี ทะเลสาบน้ำเค็มที่ลงไปยังไงก็ไม่จม จากนั้นไปชมเมืองโรมันโบราณสมญาเมืองพันเสาแห่งเจอราช เมืองสวยงามที่ไม่ควรมองข้าม เช้าวันที่เราไปถึงอากาศดี ท้องฟ้าสดใส เก็บรูปสวยๆกันได้มากมายแทบทุกมุม โชคดีที่นักท่องเที่ยวไม่มากอย่างที่คิด ในวันเดียวกันเรามุ่งลงใต้สู่ดินแดนทะเลทรายเพื่อชมความงามที่พลาดไม่ได้ในเมืองเพตรา ใช้เวลาในเพตรากัน 2 วันเต็มๆ กับความสวยงามที่เดินชมกันไม่เบื่อ ก่อนจะมุ่งหน้าผจญภัยในทะเลทรายวาดีรัม ความงามของหินผา ที่แปลกตา ร่องรอยของชาวนาบาเทียน รอยสลักที่ทิ้งไว้ให้เห็นวันคืนที่ผ่านไปท่ามกลางการใช้ชีวิตกลางทะเลทรายของชนเผ่าเบดูอิน หนึ่งคืนในทะเลทรายที่อากาศเย็นจัด แต่ไม่มากอย่างทืี่เราคิด คืนนั้นน่าจดจำในคืนที่แสนจะเงียบงันและมืดสนิท
แผนการเดินทางของเราเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทำให้ได้รู้จักกับจอร์แดนในมุมอื่นที่มากขึ้น ทั้งเมืองเก่า ชายแดนตอนเหนือติดซีเรีย เลบานอน และปราสาทเก่าแก่กลางทะเลทราย ที่เมื่อไปดูด้วยตาแล้วจึงรู้ว่าโชคดีที่เราไม่พลาดกับการรู้จักจอร์แดนเต็มๆ 9 วัน 8 คืน
ติดค้างเรื่องราวการเดินทางไว้หลายเรื่องตั้งแต่ทิเบต เนปาล มาโปะต่อด้วยจอร์แดน แต่จะจัดมาให้ครบเต็มๆ ทั้งรูปสวยๆ เรื่องราวระหว่างทาง ไว้มาติดตามกันนะคะ 🙂
In This Post
+ จอร์แดน
มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ราชอาณาจักรฮัชไมต์แห่งจอร์แดน” มีประชากรประมาณ 6.4 ล้านคน แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 12 เขต แต่ละเขตมีเมืองหลวงคอยดูควบคุมดูแล ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม จอร์แดนเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในดินแดนตะวันออกกลางท่ามกลางความขัดแย้งของประเทศมุสลิมโดยรอบ ทั้งอิสราเอล อิรัก ซาอุดิอาระเบีย แต่ก็เป็นประเทศที่พยายามพัฒนาและผสมผสานโลกตะวันตกและตะวันออกโดยยอมรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญทัดเทียมกับโลกปัจจุบัน โดยการนำของกษัตริย์อับดัลลาที่ 2 แต่อย่างไรก็ตามสำหรับจอร์แดนอดีตที่ผ่านมาก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของอนาคต ขณะที่การเมือง เศรษฐกิจที่พัฒนาและเปลี่ยนแปลง เราก็ํยังคงเห็นวิถึชีวิตของชาวเบดูอินที่ยังเลี้ยงสัตว์ เช่นแกะ แพะ ตามเทือกเขาเหมือนดังเช่นวิถีที่ผ่านมาในอดีต
Leave a Reply