“ความรู้”
จะพาคุณ..ไปได้ไกล“ประสบการณ์”
จะพาคุณ..ไปได้ไกลกว่าแต่..”สติ”
จะพาคุณ..ไปได้ไกลที่สุด!!
ตอนบ่ายๆ เราตกลงกันว่าจะต้องนอนที่กลางหุบเขาแห่งนี้ เพื่อรอดูสถานการณ์ ฉันรู้สึกว่าสถานการณ์ต่างๆดูดีขึ้น แม้จะมีบางช่วงที่เมฆหมอกปิดทึบบังแสงแดดที่สาดส่องลงมาจนทำให้บรรยากาศดูอึมครึมไปเล็กน้อย แต่ไม่นานแสงอาทิตย์ก็เจิดจ้ากว่าและเปิดให้เราเห็นทั่วทั้งหุบเขา ระหว่างนั้นยังมีแผ่นดินไหวจาก aftershock เกิดขึ้นเบาๆ และทิ้งช่วงห่างๆ ยังไม่หมดไปซะทีเดียว
พวกเราเตรียมตัวเข้านอนโดยนอนรวมกันในเต็นท์หลังใหญ่ที่มีเพียงแผ่นฟลายชีทมาทำหลังคา แล้วยึดกับเสาไม้ ใช้เทรคกิ้งโพลช่วยค้ำยัน ไกด์เอาแผ่นรองนอนมาปู พร้อมถุงนอนเพื่อกันหนาวคืนนี้ ตอนเย็นพ่อครัวและลูกหาบก็ทำอาหารเสริฟก่อนนอน
อ่านตอนแรก เรื่อง แผ่นดินไหว รินจาณี – ช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว



ฉันใส่เสื้อกันหนาวตัวหนา ใส่หมวก แบบชุดเตรียมพร้อมเหมือนจะขึ้นยอดทุกๆครั้ง ห่มด้วยไลน์เนอร์บางๆก่อนจะทับด้วยถุงนอนของทางไกด์ ก็ถือว่าอบอุ่นสบายดีในคืนที่ต้องนอนท่ามกลางฟ้าโล่งแบบนี้ ส่วนที่ไม่สะดวกสบายคงมีนิดเดียวที่ต้องนอนบนพงหญ้า พื้นไม่ได้เรียบ พลิกไปพลิกมาตกร่อง ต้องนอนเอียงๆ แต่ก็นับว่าสุขสบายในสถานการณ์ที่เลือกอะไรไม่ได้มากนัก
มีเสียงเตือนมาว่าให้นอนใส่รองเท้าพร้อมสำหรับการวิ่งไว้ด้วยเผื่อกลางคืนมีอะไรฉุกเฉิน ฉันพยายามแล้วแต่ไม่ถนัด มันสอดเข้าในถุงนอนยากเกินไป แล้วก็คิดในใจว่า ถ้าจะต้องฉุกเฉินขนาดนั้น กว่าจะเอารองเท้าหนาๆออกมาจากถุงนอน ไลน์เน่อร์ตัวเองก็คงเสียเวลาพอๆกับใส่รองเท้ามั้ง หรือถ้ามันจะร้ายแรงสุดขีด ก็ขอให้โชคชะตามันลิขิตไปแล้วกัน 😅 เลยถอดรองเท้าวางไว้ข้างๆ แต่แอบซ้อมรีบใส่ไว้ ก็รู้สึกว่าไม่เสียเวลาเท่าไรนะ

เวลาที่ฟ้าเริ่มมืด ฉันยอมรับว่ามีความกังวลขึ้นนิดหน่อย ในสถานการณ์ขณะนี้การเห็นอะไรที่ชัดเจนทุกด้านเป็นสิ่งที่ดีกว่าการที่เราแค่หยุดนิ่ง ฟังเสียง และรอคอย โดยเฉพาะเสียงครืนๆจากภูเขาที่ขนาบอยู่สองด้าน อาจเพราะความมืดนี่แหละที่เริ่มมีความคิด ความกังวลทั้งจากคนรอบข้าง และไกด์เองว่า ต้องพยายามประหยัดของกิน ประหยัดน้ำ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจต้องติดอยู่หลายวัน
ฉันรับฟังแต่ก็มีความเชื่ออยู่ลึกๆว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น พรุ่งนี้เราน่าจะได้เดินออกจากที่นี่กัน ก่อนนอนฉันมองไปบนท้องฟ้าพบว่าดาวเต็มท้องฟ้า ก่อนที่แสงจันทร์จะส่องสว่างกระจ่างทั่วทั้งหุบเขาจนทำให้คืนนี้ไม่ได้มืดมิดจนน่ากลัวเกินไป นั่นทำให้ฉันมีความหวังว่าในธรรมชาติที่ท้องฟ้าสดใสไม่น่าจะมีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่านี้ ยิ่งนึกถึงตอนก่อนแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เนปาลธรรมชาติทั่วทั้งท้องฟ้าอึมครึมเต็มไปด้วยเมฆฝนนั้นน่ากลัวกว่าครั้งนี้
จากนั้นฉันก็หลับไปด้วยความหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น พรุ่งนี้จะได้เดินออกไปเป็นไปตามแผนที่วางไว้ว่า ฉันมาที่นี่ 4วัน 3คืน… ไม่ต้องมาแถม
นึกว่าตัวเองนอนไม่หลับเพราะพลิกไปพลิกมากับหลุมข้างๆตัวทำให้นอนไม่ถนัด แต่พอมาฟังเค้าคุยกันว่าเมื่อคืนเสียงหินถล่มดังมากตอนสี่ห้าทุ่ม มีaftershock เบาๆเป็นระยะ และมีซ้ำใหญ่ๆตอนตีสี่
อ่า … แต่ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยหว่า อย่างนี้ท่าจะหลับสนิทเลยตรู 😂

ไกด์มาบอกกับเราให้เก็บของจะพาเดินออกในวันนี้ย้อนตามเส้นทางที่เรามาคือกลับไปขึ้นเขาที่ Sembalun crater แล้วเดินลงกลับหมู่บ้าน ฉันนึกถึงทางขึ้นเขาที่ยังคุยเล่นกับพี่เกียงว่า ถ้าขึ้นทางนี้ตายแน่ เพราะทางชันมากเกือบ 90 องศา ขาที่ลงมาเมื่อวันก่อนก็แทบแย่ นี่จะต้องกลับไปขึ้นเนี่ยนะ แต่จะทำไงได้ ในเมื่อทางเดียวที่ต้องทำคือ ไป
การเดินออกวันนี้มีแผนการมากขึ้น ไกด์แบ่งระยะการเดินเป็นกลุ่มทิ้งช่วงห่างระยะหนึ่ง และสั่งห้ามให้พวกเราหยุดถ่ายรูป ต้องเดินเป็นชุดๆ ซึ่งจะค่อนข้างซีเรียสในช่วงแรกๆที่จะต้องเดินผ่านริมเขาที่มีหินร่วงลงมา การทิ้งช่วงทำให้แต่ละกลุ่มมีพื้นที่วิ่งหนีหากเกิดหินร่วงในช่วงที่กำลังเดินผ่าน ตรงจุดที่อันตรายมากๆ ไกด์สั่งให้พวกเราวิ่งเร็วๆ เพื่อให้พ้นจากพื้นที่อันตราย เราเดินย้อนกลับมาจึงพบว่าทางเดินบางแห่งพังลง สะพานเล็กๆหัก เราต้องเดินอย่างระมัดระวังริมเขาทางเล็กแคบ ขณะเดินแทบไม่มีเวลาพักกันมากนัก ทุกคนอยากพ้นเขานี้ให้เร็วที่สุด สิ่งที่เกือบจะแย่มากๆก็คือพวกเรามีน้ำเหลือกันน้อยมาก แต่ก็พยายามแบ่งปันกัน จนถึงจุดหนึ่งฉันต้องหันไปบ่นกับพี่เกียงว่า อยากซดน้ำอั๊กๆ เพราะอากาศเริ่มร้อนขึ้น
ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่ฉันกังวลว่าจะยากอย่างขาขึ้นเขาที่ชันมาก กลับพบว่าเดินขึ้นนั้นง่ายกว่าลง เพราะไม่ต้องมีความกลัวร่วง หล่นแบบเดินลง ตรงจุดนี้ใช้เวลาน้อยกว่าตอนลงเมื่อวันก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง (แอบคิดว่าถ้ามาใหม่แล้วเดินย้อนเส้นทางน่าจะดีกว่า)
เมื่อขึ้นไปถึงสันเขาบริเวณ Sembalun crater เราเห็นรอยแยก ร่องรอยความเสียหาย จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ข่าวความสูญเสียจากกลุ่มคนไทยที่ขึ้นยอดเมื่อวันก่อน และหวังว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกินไป
ที่นี่เราได้รับแจกน้ำกันคนละขวดใหญ่ ถือว่าได้เติมพลังอย่างมาก จากนั้นก็เข้าสู่วิถีขาลง ความล้าจากการเดินมาสองวัน นิ้วเท้าที่ทิ่มใส่รองเท้าจากทางชันที่เดินลงทำให้แผลระบมทุกข์ทรมานอย่างมาก บางช่วงแทบยกเท้าไม่ขึ้น แต่ก็กัดฟันทั้งเดิน ทั้งวิ่ง ทั้งสไลด์จนลงมาถึงปลายทางที่หมู่บ้านอย่างปลอดภัย จบภาระกิจที่ไม่คาดฝันว่าจะได้พบเจอ
เราได้ข่าวว่ามีนักเดินเขาขาวมาเลย์เสียชีวิตบนยอด 1 คน ส่วนที่เหลือเป็นชาวบ้านในหมู่บ้าน และบ้านเสียหายหลายหลังซึ่งมีบางส่วนก็เป็นญาติ และเกี่ยวข้องกับไกด์ ลูกหาบที่ดูแลพวกเราอยู่ข้างบนนี่เองด้วย

ฉันพบว่าในที่สุดแล้วสถานการณ์ของฉันนั้นถือว่าไม่น่ากังวลอะไรเลย ฉันเดินเขาตามโปรแกรมไม่ได้มากหรือเร่งรีบขึ้น ความเหนื่อยที่ได้รับเป็นสิ่งที่สมควรได้อยู่แล้ว โชคดีที่ไม่ได้ของแถมอีกหลายๆคืนบนเขา ฉันกลับมาพักโรงแรมตามกำหนด กลับบ้านตามเวลาที่ควรจะเป็น
หากนึกย้อนกลับไปสถานการณ์นี้สอนหลายสิ่งกับฉัน เมื่อเจอเหตุการณ์แผ่นดินไหว
- ควรอยู่ในที่โล่ง พ้นจากสิ่งที่จะตกมาใส่ตัวซึ่งนั่นจะเป็นอันตรายที่สุด และฉันก็ได้อยู่ในจุดนั้นเมื่อเกิดเหตุ ที่จริงแล้วตอนนั้นฉันก็คิดนะว่าตอนแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นครั้งนั้น อันตรายกว่าด้วยซ้ำ เพราะรอบข้างเต็มไปด้วยตึกที่อาจล้มมาใส่ มีของตกใส่หัว และเท่าที่ฟังจากข่าวคนที่เสียชีวิตบนยอดเขานั้นก็ไม่ใช่เพราะร่วงลงไปแต่เพราะมีหินตกทับ
- บรรดาไกด์และลูกหาบต่างกังวล ไม่ใช่เพียงแค่เราที่พวกเขาต้องดูแล แต่ยังห่วงใยถึงครอบครัวที่อยู่ข้างล่างนั่นอีก ซึ่งดูเหมือนสถานการณ์ในหมู่บ้านอันตรายกว่า
- เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกถึงความอุ่นใจที่ได้อยู่ท่ามกลางคนไทยด้วยกันมากมายในต่างแดน และความห่วงใยกัน ในขณะที่พวกเราต่างคิดถึงคนบนยอดในเช้านั้น แต่เมื่อได้พูดคุยกัน พวกเขาต่างก็เป็นห่วงคนที่ตกค้างริมทะเลสาบอย่างพวกเรา เราต่างพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่อความช่วยเหลือจะไปถึงคนที่จำเป็นจริงๆ
- การเตรียมพร้อม หากรักการท่องเที่ยวแบบผจญภัย การเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ไม่คาดคิดเป็นสิ่งที่สำคัญ และที่นี่ทำให้ฉันรู้อีกอย่างหนึ่งว่าไม่ใช่ว่าวันที่สดใส ธรรมชาติจะยิ้มหวานให้กับเราเสมอไป
- สติคือสิ่งที่ฉันพยายามคุมมากที่สุด แต่เมื่อภัยมากว่าจะคว้าสติให้อยู่กับตัวก็ใช้เวลาพอดูเหมือนกัน ก็หวังว่าประสบการณ์ครั้งนี้จะสอนอะไรมากขึ้น (อย่างน้อยกลับมาต้องหาวิธีหนีภูเขาไฟระเบิดไว้ซะหน่อย)
ยังมีอีกมากมายที่ผุดขึ้นมาให้ได้คิด แต่คิดไปพิมพ์ไปก็หลงๆเลือนๆ เอาเท่านี้แล้วกัน
สิ่งที่อยากขอบคุณนอกจากเพื่อน ไกด์ ลูกหาบแล้วคงเป็นธรรมชาติที่ยังให้เราได้เห็นความงดงามของริณจาณี แม้จะกราดเกรี้ยวไปบ้างก็ตาม
…ถึงจุดนี้ก็ยังขอถือว่าตัวเองอยู่ในทีมฟ้าใสที่โชคดี ☀️

Cr . รูป พี่เบี้ยว
บนcrater มีร่องรอยแยกของแผ่นดินที่ไ
ด้รับความเสียหายจากแผ่นดิน
ไหวเป็นเทรคที่เลอะเทอะเปื้อนฝุ่นที่สุด ส่งมาแบบนี้ ตอนนั้นกินได้หมดแหละ หิว eat eat eat

[…] อ่านตอนต่อไป วันที่เราออกจาก Mt.Rinjani […]