เรามาถึงจิ่วไจ้โกว ตอนเย็นๆ ตามเวลา รถบัสที่เรานั่งมาขับผ่านโรงแรม Angelie ที่เราจองไว้ แล้วเลยไปจอดห่างไปอีกประมาณ 2 กม.ข้างหน้า ปล่อยให้เรามองตาละห้อยผ่านไป เพราะอย่างนั้นเราจึงต้องนั่งแท็กซี่กลับมาที่โรงแรม ค่าแท็กซี่ประมาณ 15 หยวน ด้วยความเร่งรีบ ทำเอาเพื่อนเราเกือบเศร้าใจเพราะกล้องตกโครม ตอนวิ่งไปเรียกรถ แต่โชคดีที่อาการไม่หนัก ฟื้นคืนชีพ หลังจากกล้องช็อค สลบ แน่นิ่งไปชั่วขณะ ท่ามกลางความโล่งใจของพวกเราด้วย ไม่งั้นหมดสนุกกันแน่
ที่โรงแรมเช็คอินเรียบร้อย เค้าแนะนำให้เราไปจองตั๋วเพื่อเข้าเที่ยวจิ่วไจ้โกวไว้เลย เพื่อไม่เสียเวลาในวันพรุ่งนี้ และเราลองติดต่อสอบถามเค้าเกี่ยวกับการเดินทางในวันมะรืนของเราที่วางแผนไว้ว่าจะไปหวงหลง และกลับมาขึ้นเครื่องบินไปซีอานต่อในวันเดียวกัน ซึ่งทางโรงแรมมีบริการจัดหาให้ด้วย
วันนี้อากาศเย็น แต่ยังขมุกขมัวเมฆฝน ให้พวกเราใจเสียกับอากาศที่จะต้องเจอในสองวันที่เราวางแผนไว้เที่ยวในอุทยาน แต่โชคก็ยังเข้าข้างพวกเรา เพราะสองวันในจิ่วไจ้โกว อากาศดี โดยเฉพาะชวงเช้า สายๆแดดดี ลมเย็นเดินชมได้สบาย โดยไม่เจอสายฝนซักแอะ
ถ้าไม่ใช่รูปสวยๆที่เห็นมากมายจากแหล่งต่างๆ ทั้งหนังสือภาพ อินเตอร์เน็ต ภาพน้ำสีเขียว สีฟ้า ใบไม้หลากสี ซากไม้เก่าๆที่จมอยู่ใต้น้ำสีเขียวใส รอบนี้ฉันคงขอบายประเทศจีนไปแล้วแน่ๆ หลังจากเพิ่งไปประเทศจีนผ่านทางชายแดนปากีสถาน แล้วเจอคนจีนที่ฉันไม่ประทับใจเอาซะเลย ยิ่งนึกถึงตอนเจอช่วงที่เดินทางผ่านเพื่อไปทิเบต สองปีก่อน คนจีนยิ่งเมื่อเทียบกับชาวเผ่าต่างๆที่อยู่รอบๆ และกำลังโดนครอบงำ ยิ่งทำให้ความประทับใจต่อคนจีนมีน้อยไปนิด แต่ต้องยอมรับว่ารอบนี้คนจีนที่เราได้พบเจอระหว่างทางน่าประทับใจไปหมด ตั้งแต่ฉงชิ่ง เฉิงตู จนถึงจิ่วไจ้โกว ซีอาน ลั่วหยาง ได้พบทั้งคนจีนฮั่นแท้ๆ จีนผสมชาวทิเบต จีนเสฉวน มุมมองได้เปลี่ยนไป ชาวจีนก็มีเอกลักษณ์ของตนเอง แม้จะดูเฉยชา แต่ก็นิสัยดีทีเดียว อาจเป็นเพราะชาวจีนเองเมื่อต้องอยู่ตามเขตชายแดนที่มีปัญหาเรื่องเชื้อชาติมากๆ ก็ต้องป้องกันตนเอง ทำตนให้เหนือกว่า เจ้าของพื้นถิ่น ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจอยู่ได้ในดินแดนที่อยู่ท่ามกลางปัญหาเหล่านั้น และบนแผ่นดินที่ตนเองมีสิทธิ์แน่ๆ การเบ่ง หรือป้องกันตนก็ไม่ต้องเคร่งขรึม เข้มงวดมากนัก ในแง่ของการเป็นเมืองท่องเที่ยว แถบนี้ก็ยังอัธยาศัยดี ไม่เอารัด เอาเปรียบ หรือหากินกับนักท่องเที่ยวจนเกินกว่าเหตุเช่นที่ปักกิ่ง หรือเซี่ยงไฮ้ที่ฉันเคยเจอมาบ้าง
วิวที่นี่สวยจริงๆ สวยแบบในรูปที่เห็น น้ำใสละลายจากหิมะบนเขาสูงไหลผ่านธรรมชาติทิวเขาป่าครึ้ม เหมือนภาพระบายหลากสีสันที่จัดจ้าน แหงนหน้ามองด้านบนก็เห็นสีส้ม เหลือง แดงของใบไม้เปลี่ยนสี มองลำธาร น้ำใสก็มีสีสันงดงาม แต่งแต้มด้วยธรรมชาติที่ผ่านกาลเวลา และการปรับแต่งทางเดินให้รื่นรมย์ เดินง่าย วันอากาศดีดี ที่เราได้เดินผ่าน บางช่วงน้ำนิ่ง สะท้อนเงาใสดังกระจก น้ำตกใหญ่อลังการ และทิวทุ่งหญ้า ตามทาง ธรรมชาติหลากหลายอยู่ในอุทยานจิ่วไจ้โกวแห่งเดียว การเที่ยวก็แสนสะดวก ทั้งช่องทางเดิน หรือขึ้นรถบัสที่จัดบริการไม่มีขาด
Leave a Reply