เพราะอยากวิ่งจึงไปเที่ยว เพราะอยากเที่ยวจึงไปวิ่ง เราผสมผสานความชอบ 2 อย่างให้ลงตัว กับเพื่อนที่ชอบเหมือนๆกัน ฉันมีทริปแบบนี้มาหลายครั้งทั้งในและต่างประเทศ คราวนี้เราเลือกวิ่ง-เที่ยวกันที่ปีนังเมืองเล็กๆ ไม่ไกลจากประเทศไทยในเวลาสั้นๆ 48 ชั่วโมง
ปีนัง วิ่ง กิน เที่ยว ทริปที่ไม่ต้องวางแผนอะไรมาก แต่ประทับใจมากทริปหนึ่ง
ปีนังเมืองเล็กๆ อยู่ในความคิดคำนึงที่สนใจอยากจะมาเที่ยว แต่ก็โดนเลื่อน มองข้ามออกไปทุกทีเมื่อวางแผนอยากจะเที่ยว เพราะความใกล้เกินไป เช่นเดียวกับที่ที่เที่ยวใกล้บ้านที่ฉันคิดว่าบางทีเรารู้จักมันน้อยกว่าเมืองฝั่งตรงข้ามอีกด้านหนึ่งของโลก
แต่คราวนี้มันกลับพอดี๊ พอดี เมื่อฉันคิดอยากจะหางานวิ่งแปลกใหม่ในต่างประเทศใกล้เมืองไทย เพราะอยากร่วมสัมผัสบรรยากาศการวิ่งใหม่ๆ ดูเมืองใหม่ๆ เมื่อถูกชวนจากเพื่อนจึงไม่ลังเลที่จะตกปากรับคำในทันที
เราต่างคนต่างจองตั๋วผ่านสายการบินแอร์เอเชียซึ่งมีไฟล์ทบินตรงวันละเที่ยวมาปีนัง และเพื่อนเป็นคนจัดการจองโรงแรมโดยเลือกเอาโรงแรมในเขต George town แหล่งชมเมืองเก่าสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อความสะดวกเวลาชมเมือง
แต่เดิมทริปนี้จะไปกัน 3 สาว แต่เพียงก่อนหน้า 2 วัน เพื่อนคนนึงเกิดอุบัติเหตุจากการเล่นกีฬาที่หัวเข่าทำให้เหลือเพียงแค่ 2 สาวเดินหน้าลุยตามแผนเดิม
In This Post
+ ลุยปีนัง
ทริปนี้เรามีเวลา 3 วัน 2 คืน เราเปลี่ยนแผนจากการเดินทางเพื่อทริปวิ่งเที่ยวเล็กน้อย ด้วยการจัดการภาระกิจวิ่งก่อน แล้วจึงเที่ยว เพื่อให้ขาและร่างกายไม่บอบช้ำจากการเดินเที่ยวแล้วค่อยไปวิ่ง เช่นทริปที่ฮ่องกง , มะละกาที่เคยไปมา แล้วเราเที่ยวก่อนวิ่ง ซึ่งพอถึงวันวิ่งนี่ปวดร้าวระบมจากการเดินเที่ยวอันหนักหน่วง และยังต้องระมัดระวังอาหาร การกิน การนอนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวิ่งอีกด้วย
เมื่อมาถึงปีนัง เราตรงไปใช้บริการแท็กซี่ของสนามบินซึ่งอยู่ตรงประตูทางออกด้านนอกเพื่อไปโรงแรมที่เราจองไว้เลย ค่าบริการจ่ายที่เคาน์เตอร์แล้วรับใบมารอขึ้นรถแท็กซี่สีขาว ค่าบริการประมาณ 45 ริงกิต

สนามบินปีนังใหญ่โตทันสมัย กว้างขวางประหนึ่งสนามบินหลักของประเทศ ฉันแปลกใจมาก แม้จะรู้ว่าปีนังเป็นเมืองเก่ามาเนิ่นนาน ได้ยินคนพูดถึงปีนังว่าเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษใกล้เมืองไทยที่สุด เป็นแหล่งตากอากาศของต่างชาติในสมัยเป็นเมืองในความดูแลของอังกฤษ เป็นท่าเรือ มาเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งคงจะได้ทิ้งวัฒนธรรม การใช้ชีวิตที่ผสมผสานระหว่างชาวมาเลย์ ชาวจีน และตะวันตก ทำให้ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี้ แต่ไม่คิดว่าปีนังจะเจริญมากขนาดนี้ ตั้งแต่ปากประตูทางเข้าสู่เกาะใหญ่ของมาเลเซีย
ระหว่างนั่งแท็กซี่ เราได้ผ่านเส้นทาง ถนนกว้างขวางทำให้เห็นอาคารใหม่ๆ ใหญ่โตมากมายบนเกาะ ธุรกิจต่างๆ น่าจะไปได้ดี และชีวิตความเป็นอยู่ก็เทียบเท่ากับในเมืองหลวง หรือเมืองใหญ่หลายเมืองของมาเลเซีย จนมาถึงเขตเมืองเก่า ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากเขตธุรกิจ ห้างสรรพสินค้าตึกสูงทันสมัย แต่ฉันก็ยังได้กลิ่นอายของการดำเนินชีวิตแบบชาวปีนังยุคก่อนผ่านอาคารบ้านเรือนตึกแถวในย่านนี้เล็กน้อย ก่อนที่แท็กซี่จอดรถแล้วหันมาบอกว่า
“ถึงโรงแรม Yeng Keng แล้ว”

สิ่งที่มาต้อนรับเราคือสายฝนชุ่มฉ่ำในตอนเย็น แผนการณ์จะออกไปหาของท้องถิ่นริมถนนใกล้ๆ จึงล้มเลิกในทันที เพราะเราไม่อยากเสียเวลารอฝนหยุด และต้องเดินย่ำถนนเปียกๆและโดนละอองฝนก่อนจะต้องมีภาระกิจสำคัญคืนนี้ คือการลงวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ในงาน Asics Penang Bridge International

หลังจากเช็คอิน เราขอให้โรงแรมนัดแท็กซี่มารับตอนตี1.45 เพราะเรามีกำหนดวิ่งเวลา 3.00 น. ใช่ค่ะตีสาม เป็นงานวิ่งเช้าที่สุดที่เคยวิ่งมา เวลานี้ประมาณ หกโมงเย็น เราไม่อยากเสียเวลาจึงชวนกันไปทานในร้านอาหารของโรงแรมกันแทน
ที่จริงร้านอาหารโรงแรมนี้ก็ตกแต่งสวยงามคลาสสิคมีสไตล์ดีเลยนะคะ อาหารก็อร่อย ไม่ผิดหวัง ที่เอามาอยู่ในโปรแกรมวิ่ง กิน เที่ยว ปีนังของเรา ส่วนตัวโรงแรมและการบริการก็ถูกใจเรา แม้ว่าตอนหัวค่ำที่เรารีบเข้านอนจะมีเสียงดังรบกวนจากข้างนอกเข้ามา มียุงบ้าง แต่ที่นอนนุ่มสบาย ก็ทำให้ฉันนอนสบาย และพร้อมออกไปวิ่งเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกตอน 1.15 น.
….เช้าจังเนาะ ….
- เว็บไซต์โรงแรม Yeng keng เผื่อใครสนใจบูติคโฮเตลสวยๆ ที่นี่ไม่ผิดหวังค่ะ
- รอบๆนี้มีที่พักหลากหลายราคาให้เลือกอีกนะคะ จะเดินเลือกดูก่อนก็ได้
รูป : cr. ชมพู่ เพื่อนร่วมทริปค่ะ







Leave a Reply