+ วันที่ 2 วิ่งข้ามสะพานปีนัง – ชม Street Art

ประมาณตีห้าครึ่ง ภาระกิจแรกคือการวิ่งของเราก็เสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง นี่เป็นครั้งแรกที่คนขี้เกียจจอมตื่นสายอย่างฉันต้องออกมาวิ่งในเวลาแบบนี้ แต่ก็รู้สึกสดชื่นสบายดี อาจจะเพราะฝนที่ตกลงมาเมื่อคืนก็เป็นได้
เราเดินออกจากงานเพื่อกลับมาอาบน้ำและนอนต่อ สวนทางกลับอีกกลุ่มที่เดินเข้ามาในงานเพื่อวิ่งมินิมาราธอนซึ่งกำหนดออกสตาร์ทเวลา 6 โมงเช้า แล้วเรียกแท็กซี่กลับโรงแรมมาถึงพอดีกับเวลาอาหารเช้าพอดี
10 โมงกว่า เราเริ่มออกเดินสำรวจเมืองเก่าตามแผนที่ที่ได้มาจากโรงแรม ในแผนที่จะแสดงตำแหน่งของรูปวาดอาร์ตสวยๆ ขึ้นชื่อของเมืองว่าอยู่ตรงตำแหน่งไหน ที่จริงรูปวาดต่างๆ มีมากกว่าที่แสดงในแผนที่ และเมื่อไปถึงตำแหน่งที่แผนที่ระบุก็ยังต้องคอยมองหาตามมุม ตามหลืบ มองซ้าย ขวา ล่าง บน บางรูปกลับไปซ่อนตัวอยู่ในร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือบางรูปอยู่ตรงประตูที่ถูกปิดไว้เมื่อร้านเปิด จะเห็นได้ก็ต่อเมื่อร้านปิด หรือมาแต่เช้าหน่อยตอนร้านยังไม่เปิด คล้ายๆจะบอกว่าอยากเห็นก็ตื่นเช้าหน่อย 🙂
เป็นวิธีการชมเมืองที่เข้าท่า น่ารัก พาเราไปยังจุดที่เราอาจจะมองข้าม เดินผ่านไป และยังเป็นเพิ่มคุณค่าให้กับเมืองเก่าแม้บริเวณที่อยู่ด้านหลังร้าน ซึ่งปกติเราก็คงไม่เดินไปแน่ๆ หากไม่ใช่เพราะปฏิบัติการตามหารูปสวยๆ ตามแผนที่



วันนี้แม้อากาศจะร้อน จนเหงื่อแตกพลั่ก แต่ฉันก็ไม่ลดละที่จะพยายามตามหารูปต่างๆให้ได้มากที่สุด และได้ชมเมือง ดูตึกอาคาร ประตู หน้าต่างแบบจีนผสมมลายูปนตะวันตกสวยๆ แวะชิมขนมขึ้นชื่อ อาหารอร่อยๆของปีนัง แสงอาทิตย์ยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อยิ่งออกจนปวดหัวตุ๊บๆ ตอนนี้ฉันยิ่งเข้าใจว่า ดีมากเลยที่เราได้วิ่งตอนตี 3 เพราะถ้าวิ่งตอนเช้าแดดออก คงไม่มีแรงมาเดินชมเมืองแน่ๆ
ปีนังก็คล้ายๆมะละกา แม้อากาศจะร้อนมากแต่ก็ใช่ว่าเราจะหาร้านที่มีแอร์เย็นฉ่ำได้ง่ายๆ มีร้านกาแฟ ร้านขนมอยู่เป็นระยะก็จริง แต่ร้านส่วนใหญ่จะใช้การระบายความร้อนด้วยพัดลม และหน้าต่าง บางแห่งดีหน่อยอาจจะเปิดแอร์บ้าง แต่ก็เปิดแบบเปิดประตูโล่ง ให้เพียงมีความเย็นเอื่อยๆ
สำหรับคนขี้ร้อน เหงื่อออกมากๆอย่างฉัน ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ พกพัด ถือผ้าเช็ดหน้าไปให้พร้อม กว่าจะได้เจอร้านกาแฟเย็นๆ ฉันแทบหมดพลัง พอเจอเท่านั้น กระโดดใส่เลยค่ะ



เราใช้เวลาเดินครึ่งวัน ก็เก็บภาพต่างๆ ได้เกือบหมดในบริเวณ Armenian Street ถนนที่น่าจะมีภาพงานอาร์ตมากที่สุด ไปจนถึงบริเวณท่าเรือเก่า แล้วค่อยกลับมาหาของอร่อยทานแถวโรงแรม
เดินกลับยังไม่ทันถึงโรงแรม จากแดดร้อน กลายเป็นฝนตกซะแล้ว เวลาอย่างนี้ได้นอนพักสบายๆ อีกพักใหญ่ ตอนเย็นเรามีแผนไปทานอาหารสไตล์จีนที่ร้าน Tek Sen Restaurant ร้านนี้อร่อยมาก แนะนำเลยค่ะ






+ วันที่ 3 เก็บตก Street Art – Upside Down Museum
อาหารเช้าโรงแรมอร่อยนะคะ แต่มาทั้งทีสำหรับย่านนี้ ต้องหาติ่มซำอร่อยๆทานกันค่ะ เราสละของฟรี มาหาของอร่อยกันดีกว่า แล้วก็ไม่ผิดหวังกับติ่มซำยามเช้า ของย่าน Geoge Town อลังการมีให้เลือกมากมาย
อย่างที่บอกว่าเราก็ไม่ได้หาข้อมูลเตรียมพร้อมมากนัก จิ้มไปตามแผนที่ มีอะไรน่าสนใจก็เข้าไปกัน วันนี้เราเลือกไปดู Upside Down Museum ค่าเข้าคนละ 22ริงกิต เป็นแกลเลอรี่เล็กๆ เราเข้าไปถ่ายรูปกันสนุกสนาน กับมุมต่างๆที่เค้าทำไว้ มีพนักงานคอยช่วยบอกท่า เซ็ตมุม และถ่ายรูปให้เสร็จสรรพ
ใกล้ๆกันยังมีอีกหลาย Museum ที่ให้บริการสำหรับเข้าไปถ่ายรูป แนว 4D แนวย้อนยุค แต่เวลามีแค่นี้เราเลือกไปที่นี่ที่เดียว แล้วก็ไปเดินเก็บตกกับรูปต่างๆ ตามซอกมุมต่างๆที่เหลือ จนในที่สุดก็พบภาพคนพายเรือภาพใหญ่ที่เห็นในร้าน Postcard ที่จริงรูปนี้อยู่ใกล้ๆที่พักของเรานั่นเอง แต่เมื่อมาถึงภาพนี้ทั้งฉันและเพื่อนก็รู้สึกเหมือนกันว่า “โอเค จบการค้นหาทั้งหมด ทั้งปวง” และก็ได้เวลาไปเก็บของเตรียมตัวไปสนามบินกันได้
เวลาไม่มากนัก เราอาจจะยังเที่ยวไม่ได้ทั่วปีนังซึ่งฉันเชื่อว่ายังมีสถานที่ เรื่องราวน่าสนใจมากมายที่น่าค้นหา แต่สำหรับฉันก็อิ่มใจกับเวลานิดหน่อยที่นี่ ดีใจที่ได้มาสัมผัส นับว่าครบรส ภาระกิจ วิ่ง กิน เที่ยว ของเรา






Leave a Reply