พอเช็คอินที่ดอนเมือง เพื่อบินมางานวิ่งที่ภูเก็ต ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ภูเก็ตเนี่ยมาหลายรอบแล้วเหมือนกันนะ ด้วยเหตุผลต่างๆนานามากมาย บางเรื่องก็นานมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะลืมไปแล้ว เพิ่งมานึกได้ก็ตอนมีเวลานั่งคอยขึ้นเครื่อง แล้วนั่งทบทวนว่าเราไปที่ไหนในภูเก็ตมาแล้วบ้าง เพราะคราวนี้นอกจากจะมาเพื่อวิ่งแล้ว ฉันยังมีเวลาอีก 2 วัน เต็มๆเพื่ออยู่เที่ยวในภูเก็ตอีก
สมาชิกนักวิ่งไปรออยู่แล้วที่ภูเก็ต 5 คน เพราะเรามากันคนละไฟล์ท แต่พอไปถึงเพื่อนๆก็น่ารักมาก อุตสาห์ให้รถตู้แวะกลับมารับที่สนามบินอีกที แล้วมุ่งหน้าตรงไปหาของกินในย่านเมืองเก่าของภูเก็ต แถวๆถนนถลางกันเลย หลังจากหิ้วท้องมาแต่เช้าจากกรุงเทพ เพราะดอนเมืองไม่ได้มีของกินอร่อยๆ ให้รองท้องมากนัก แถมราคายังแพงลิบลิ่ว ขนมบนเครื่องแค่พอแก้หิว ที่สำคัญอาหารอร่อยๆที่ภูเก็ตรออยู่ข้างหน้า ทริปนี้นอกจากตั้งใจมาวิ่งแล้ว เรื่องกินก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเราข้ามน้ำข้ามทะเล บินลัดฟ้ามาถึงที่นี่
เราเริ่มต้นกันที่ร้านอาหารพื้นเมืองภูเก็ต ลกเที้ยน ตรงมุมสี่แยกถนนดีบุกตัดกับถนนเยาวราช แต่ที่จริงเพื่อนๆเค้าเริ่มกันไปก่อนแล้วที่หมี่สะปำ ร้านป้าเจียร แต่เพื่อนๆมีน้ำใจมานั่งกินเป็นเพื่อนด้วยความอยาก 555 อาหารที่นี่หลากหลายดี มีทั้งบะหมี่ หมูสะเต๊ะ ปอเปี๊ยะสด และต่างๆนานา จำชื่อไม่ค่อยได้ ยังไงถ้าได้ไปเชื่อว่าแทบทุกคนที่ไปเที่ยวคงได้สั่งกันครบหมดทุกร้านเหมือนเรา แล้วเดินมาตบท้ายของหวานริมทาง โอ๊วเอ๋ว ขนมหวานน้ำแข็งไสขึ้นชื่อของภูเก็ต

จากนั้นพวกเราก็เริ่มออกเดินเล่นในย่านเมืองเก่าของภูเก็ต รอบนี้ย่านนี้เปลี่ยนไปดูโล่งโปร่งตาขึ้น เพราะสายไฟที่ระโยงระยางเกะกะสายตา ถูกนำเอาลงพื้นไปหมดแล้ว ย่านนี้เคยมาเดินแล้ว แต่ให้เดินอีกกี่ทีก็ยังสวย น่าเดินเล่นเหมือนเดิม เพราะตึกเก่าชิโน-โปรตุกีส ที่ได้รับการอนุกรักษ์ดูแล และผู้คนที่ยังใช้ชีวิตเหมือนเช่นในอดีต บ้างเป็นร้านขายเสื้อผ้า ขายของใช้ บางห้องถูกปรับตกแต่งเป็นโรงแรมเล็กๆ ร้านกาแฟน่านั่ง บนสายเก่าแห่งนี้ ที่ถูกใจมากๆ เห็นจะน่าดีใจที่ไม่มีร้าน 7-11 หรือฟาสต์ฟู๊ดชื่อดังมาโผล่ให้เสียอารมณ์ความชิล ความน่ารัก แต่มีรถสวยๆเก่าๆ จักรยานเก๋ๆ ต้นไม้เล็กๆ ป้ายเท่ๆ และวิถีชีวิตที่เรียบง่ายให้เราเดินมอง แม้วันนี้จะอากาศร้อนอบอ้าว ฟ้าไม่ใส แต่เดินบนถนนนี้ยังไงก็ไม่มีเบื่อ ทุกห้อง ทุกร้านต่างมีน้ำใจ และคงเข้าใจในความงดงามของถนนที่ต่างเป็นเจ้าของ จึงไม่มีการหวงห้ามหากเราจะแวะเวียนไปถ่ายรูปหน้าร้าน บางร้านยังเรียกให้เราเดินเข้าไปชม ไปถ่ายรูปถึงข้างในได้โดยไม่หวงห้ามด้วยซ้ำไป
วันนี้เราเที่ยวกันเบาๆ ไม่กล้ากินอาหารหนักๆ เพราะพรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวตื่นแต่เช้าไปทำภาระกิจสำคัญ คือร่วมงานวิ่ง Laguna Phuket International Marathon 2014 สุดท้ายอาหารมื้่อเย็นของเราวันนี้ก็เลยเป็นแค่ “ข้าวเหนียว หมูปิ้ง” แล้วรีบเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้เราต้องตื่นกันแต่เช้าตี 4 เพื่ออาบน้ำและไปเตรียมตัวที่สนามของลากูน่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรา
งานนี้นักวิ่งสมัครเล่นอย่างพวกเรา สมัครไว้แค่มินิมาราธอน 10.5 กม. แต่มีพี่ในกลุ่มเป็นหน้าเป็นตาวิ่ง Half Marathon 21 กม. ค่อยดูสมเหตุสมผลในการมาภูเก็ตหน่อยนึง แหม! นึกถึงเพื่อนที่วิ่งด้วยกันถามว่ามาวิ่งกี่กิโล แล้วพอเราบอก 10.5 กม. โดนหัวเราะใส่ว่า วิ่ง 10 กม.ก็อุตสาห์บินมาเนอะ ….. แหม 10 กิโล ก็จะแย่แล้วนะเค๊อะ 5555

เช้าวันที่วิ่งอากาศไม่ร้อนแรงด้วยแสงแดด แต่อบอ้าวเพราะเมฆครึ้ม และโชคดีที่ไม่มีฝน ทีมงานมีการจัดการดีมาก ทั้งภายในเต้นท์ จัดการเรื่องห้องน้ำ facilities ต่างๆ ไปจนถึงระหว่างวิ่งมีน้ำดื่ม เกลือแร่ ฟองน้ำ บริการตลอดเส้นทาง งานนี้เป็นงานใหญ่ มีนักวิ่งจากต่างชาติเข้าร่วมกิจกรรมกันมากมาย คนไทยเองก็ไม่น้อย น่าดีใจที่คนหันมารักสุขภาพกันมากขึ้น และมีกิจกรรมงานวิ่งทุกอาทิตย์ให้เราได้เลือกเข้าร่วม เปลี่ยนบรรยากาศไม่จำเจอยู่แค่ที่สนามใกล้บ้าน งานนี้คึกคัก สนุกสนาน รวมถึงตัวฉันเองด้วย ที่อาการเจ็บเข่าที่เป็นมาเกือบก 2 เดือน หายดีขึ้น งานนี้วิ่ง 10 กิโลเมตร โดยที่แทบจะไม่มีอาการหลงเหลือเลย เวลาที่วิ่งกลับมาใกล้เคียงกับที่เคยทำไว้เดิม ต่อไปจะได้เข้าสู่เป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ให้การวิ่ง 10 กม.ไม่เกิน 1 ชั่วโมง งานนี้จับเวลาได้ไปที่ 10.40 กม. ทำเวลา 10.10 นาที นับว่าน่าพอใจสำหรับตัวเอง
หลังจากวิ่งเสร็จแล้ว เราก็เข้าสู่ภาระรอง ที่น่าสนใจกว่าภาระหลักคือกิน เที่ยว หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเราไปเริ่มอาหารเช้าสไตล์ภูเก็ตที่ร้านขนมจีนป้าติ่งกันค่ะ ขนมจีนที่นี่เค้าให้ตักแบบบุฟเฟต์ เลือกน้ำยาที่มีหลากหลายทั้งน้ำยาป่า น้ำยาปลา น้ำเงี้ยว น้ำพริก แกงเขียวหวาน ทานกับผักหลากหลาย และไก่ทอด ที่นี่เราไปกันสาย 10 โมง ผักหลายอย่างก็ร่อยหรอ แต่รสชาติก็ยังอร่อยไม่ผิดหวังค่ะ
หลังจากนั้นก็ไปชมวิวเมืองภูเก็ต บนเขารัง จิบกาแฟ ลมเย็นๆ ทำเอาเกือบหลับกันทั้งแก็งส์ เพราะตื่นกันแต่เช้า และยังคงเพลียจากวิ่งเมื่อเช้านี้กัน
เราไปเที่ยวกันสบายๆ ตามเส้นทางรอบนอกของภูเก็ตไปชมแหลมพรหมเทพ – จุดชมวิว 3 อ่าว (กะตะน้อย-กะตะ-กะรน) จากนั้นก็แวะไปไหว้พระที่วัดฉลอง วัดดังประจำจังหวัดภูเก็ต อากาศร้อนเอาเรื่อง เดินกันเหงื่อท่วมตัวเลย
มื้อเย็นวันนี้ทีแรกตั้งใจจะไปกินกันที่ร้านระย้า ร้านดังไฮโซของภูเก็ต แต่ด้วยความที่ตอนนี้เราวนเวียนเที่ยวอยู่รอบนอกตัวเมือง และภูเก็ตก็รถติดไม่เบา ที่สำคัญอาหารอร่อยๆ ในภูเก็ตก็มีมากมาย เราจึงลงความเห็นว่าไปร้านอาหารชื่อดังรสแซ่บอีกแห่งไม่ไกลแถวๆป่าหลาย ที่ร้านหมอมุดง กันดีกว่า ร้านนี้ฉันมาเป็นครั้งแรก มาแล้วก็ติดใจอีก อาหารพื้นบ้านที่นี่รสแซ่บจัดจ้าน หลากหลาย และราคาก็ไม่แพง แหม เห็นรูปแล้วยังอยากบินไปกินอีกซักรอบเลย 555

เราจบวันนี้ด้วยความอร่อย และกลับถึงที่พักไม่ดึกมาก แต่พออาบน้ำเสร็จหัวถึงหมอนก็หลับได้ทันที เพราะทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย ทั้งอิ่ม —หลับสบายเลยค่ะ
เช้าวันต่อมา พวกเรามีเวลาอีกวันสำหรับการทัวร์ภูเก็ต ก่อนจะกลับกรุงเทพตอนบ่ายสามสำหรับฉัน และห้าโมงเย็นสำหรับเพื่อนๆ เช้านี้เราเริ่มกันด้วยอาหารเช้าของภูเก็ตสไตล์จีนๆ ที่ร้านสภากาแฟ SR แต่เตี้ยม ร้านนี้พี่คนขับแนะนำ ร้านโล่งโปร่งสบาย บริการดี พอไปถึงพวกเราก็หยิบติ่มซำใส่ถาดกัน 3-4 ถาด แล้วไปส่งให้พนักงานนึ่ง ระหว่างนั่งรอก็สั่งทั้งโจ๊ก บะกุดเต๋ หมี่ซั่ว โอ้โห พอติ่มซำชุดที่เราสั่งมาถึงปรากฎดังภาพที่เห็น มากมายหลายสิ่ง แต่ก็สามารถจัดการทั้งหมดได้เรียบร้อยไม่เหลือ เพราะทั้งสด ทั้งอร่อย แถมยังตบท้ายของหวานเป็นซาลาเปาอีกคนละลูก สบายใจ อิ่มหนำสำราญกันไป

หลังอิ่มแน่น ก็ต้องพักท้อง หาที่เที่ยวเดินย่อย แต่เพราะมาคราวนี้เราเน้นแค่กินเที่ยวในเมือง ไม่มีโปรแกรมเที่ยวเกาะ เที่ยวหาดไกลๆ วันนี้เราก็เลยกลับมาที่ถนนสายเดิมอีกครั้ง แต่เข้าไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ บ้านเก่าด้านในกัน ที่พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว ราคาเข้าชมคนละ 50 บาท ระหว่างชมมีเจ้าหน้าที่แนะนำอธิบายให้ด้วย แต่ละห้องเล่าถึงเรื่องราวตั้งแต่ชาวจีนเข้ามายังเมืองไทย และมาถึงภูเก็ต เริ่มทำเหมืองแร่ กลุ่มคนจีนที่มีส่วนทำให้ภูเก็ตเจริญเติบโตเข้มแข็ง และมีวัฒนธรรม เอกลักษณ์โดดเด่น พัฒนาเมืองให้เจริญเติบโต แสดงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ตั้งแต่เกิด แต่งงาน จนตาย การเรียนรู้ สังคม ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีมากๆ ทำให้เห็นว่าคนทำมีความตั้งใจอย่างมากที่จะรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และเก็บรักษาสิ่งดีๆของภูเก็ตเอาไว้ สืบต่อไปนานๆ
ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีร้านกาแฟสวยๆให้เรานั่งเพลินๆ หลบแดด ก่อนจะลาจากภูเก็ต โดยสามารถเข้าได้ทั้งด้านหน้า และด้านข้างๆพิพิธภัณฑ์ เรานั่งเล่นพูดคุย สนทนากันอีกพักใหญ่
ฉันอำลาภูเก็ตคราวนี้ที่ร้านอร่อยใกล้สนามบิน ร้านหมี่สะปำ ป้าเจียร สาขา2 มารอบนี้เราไม่ได้ไปทานอาหารทะเลกันเลย เพราะแค่นี้ก็แน่นท้อง อิ่มหนำสำราญกับความอร่อยของอาหารที่ฉันยกนิ้วให้เลยว่าอาหารที่นี่นับเป็นสุดยอดความอร่อย แถมมีวิถีการกิน ที่เป็นเอกลักษณ์ ร้านขายอาหารมีหลากหลายตั้งแต่อาหารเช้า อาหารกลางวัน อาหารเย็น และของทานเล่นระหว่างมื้อ แต่ละอย่างแบ่งกันขาย มีเวลาให้ทานเป็นมื้อๆ ตามเวลา ไม่ใช่คิดจะกินก็ได้กิน มาสายมีอด มาเร็วก็ต้องรอ และแต่ละมื้อก็มีหลากสไตล์ทั้งแบบไทย จีน มุสลิม เพราะมีผสมผสานหลากหลายเชื้อชาติและศาสนา อ้าว! ว่าแล้วคราวนี้เราไม่ได้ลองแบบมุสลิม แนวโรตีกันเลย เห็นมั๊ยว่าภูเก็ตต้องไปอีกหลายครั้งกว่าจะได้ลิ้มลองรสชาติอาหารได้ครบ
สงสัยว่าปีหน้าต้องได้ไปวิ่งอีกรอบแน่ๆ
Leave a Reply